Sunday, January 28, 2007

เสรีภาพที่เลือกไมได้

ไม่รู้คิดถูกหรือผิดที่ฝืนสังขารตัวเองนั่งรถไฟใต้ดินมาท่าเรือ South Ferry แต่เช้าเพื่อร่วมสังฆกรรมกับบรรดานักท่องเที่ยวผู้มีจริตตรงกันคืออยากจะไปหาคุณเทพีเสรีภาพ(ใจจะขาด)แถวยาวยังพอทน ลมหนาวพอรับได้ แต่ไอ้มาตรการรักษาความปลอดภัยนี่สิเหลือรับประทาน

นอกจากจะต้องถอดเสื้อผ้าที่ประโคมโถมทับจนเหมือนแพนด้า รองเท้าที่ต้องเสือกไสเข้าเครื่องสแกนอาวุธ อุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ซึ่งต้องย้ายออกมาแสดงตัว ปลิ้นกระเป๋าทั้งหลายให้คลายเศษเหรียญทั้งหมด ยังต้องยืนท่าวิตรูเวี่ยนแมนให้หน่วยรักษาความปลอดภัยลากถูหาอาวุธที่คาดว่าจะหลบซ่อนอยู่ใต้ผืนผ้าแบบบางและ/หรือแฝงฟังอยู่ใต้ผิวหนังประหนึ่งหลุดออกมาจากโรงเรียน X-MEN เพียงเพราะไม่ได้ถอดเข็มขัดหัวโลหะขนาด 1 ตารางนิ้วที่เครื่องสแกนบ้าจี้เปล่งเสียงร้องดังเหมือนฉันไปปล้นชาติใครเขามา

เป็นเรื่องน่าปวดหัวหากคิดจะเที่ยวอเมริกาในโมงยามนี้ เพราะการก่อการร้ายกำลังทำให้ชาติที่ยิ่งใหญ่เกิดปริวิตกไปทุกหย่อมหญ้า ทุกคนคือศัตรูจนกว่าจะพรู๊ฟว่าไม่ใช่ มาตรการรักษาความปลอดภัยอันเข้มงวดจึงถูกนำเข้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยว,พิพิธภัณฑ์ และสถานที่ราชการ ซึ่งไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องยอมศิโรราบโดยดุษฎี

จากฝั่ง Manhattan ฉันยังคงต้องฝ่าฟันด่าน 18 อรหันต์อีก 2 ด่านกว่าจะเข้าไปถึงฐานรากของแม่นางซึ่งตอนนี้ได้ปิดทางขึ้นไปยังจุดยอด นึกแล้วน่าเห็นใจแม้จะเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องเสรีภาพแต่มาบัดนี้ทุกคนดูเหมือนต้องยอมสละเสรี(บ้าง)เพื่อให้สอดรับกับความเลวร้ายของยุคสมัยนี้

เทพีเสรีภาพ(Statue of Liberty)สร้างโดยนักปั้นมือทองชาวฝรั่งเศส Frederic Auguste Bartholdi เพื่อเฉลิมฉลองความเป็นชาติของอเมริกา โดยมีสถาปนิกระดับโลก Alexandre Gustave Eiffel ทำการออกแบบโครงสร้างภายใต้ร่มผ้าซึ่งทำจากแผ่นทองแดงหลายร้อยตารางเมตรมาต่อกัน เริ่มสร้างในปารีสจากการเรี่ยไรเงิน สำเร็จเมื่อปี 1884 ขนมาประกอบกันอีกครั้งใน นิวยอร์ค เมื่อปี 1885 บนฐานที่สร้างจากการออกแบบของสถาปนิกชาวอเมริกัน
ว่ากันว่าเธอถูกส่งมาในรูปชิ้นส่วนถึง 350 ชิ้น ใช้เวลาในการประกอบ 4 เดือน เปิดให้สาธารณชนชื่นชมเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 1886 และชื่อเสียงของเธอก็ดังกระฉ่อนโลกนับจากนั้น

ภายใต้ฐานคือห้องจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา อธิบายขั้นตอนการก่อสร้างตั้งแต่การออกแบบ,คำนวณโครงสร้าง,เงินลงทุน,รายละเอียดของส่วนต่างๆที่ประกอบขึ้นมาเป็นตัวเธอ นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นจำลองใบหน้าและเท้าขนาดเท่าของจริงให้ดูอีกด้วย ฉันไม่สามารถละเลียดชมได้นานเท่าใจอยากเพราะบ่ายนี้มีนัดดูละครบอร์ดเวย์

IMG_1244

วณิพกกับเครื่องดนตรีสุดเดิ้นคือหม้อทรงกระบอกกดด้านในให้เป็นหลุมขนาดต่างๆแล้วใช้ไม้เคาะเกิดเป็นเสียงสูงต่ำผสมเป็นทำนอง

IMG_1246

IMG_1247

Manhattan มุมกว้าง(ไม่มาก)

IMG_1257

เทพีเสรีภาพเมื่อมองจากเรือเฟอร์รี่

IMG_1263

Manhattan มุมกว้างมองจากเกาะลิเบอร์ตี

IMG_1270

คบเพลิงขนาดเท่าของจริง

IMG_1271

ใบหน้าของเธอ ว่ากันว่าเลียนแบบหน้าตามาจากมารดาของช่างปั้น

IMG_1287

เทพีเสรีภาพจากมุมแหงน
------------------------------------------------------------

เราวิ่งหอบจากท่าเรือไปยังสถานีรถไฟใต้ดินจับรถด่วนขึ้นไปแถว Time Square และวิ่งต่อไปยังโรงละคร Phantom of The Opera จัดการเรื่องตั๋วเรียบร้อยและเดินตามพนักงานไปยังที่นั่งบริเวณชั้นสอง ละครเริ่มได้สัก 5 นาทีแล้ว รู้สึกอายเวลาเดินผ่านฝูงชนที่เขานั่งชมอยู่ก่อน คราวหน้า(ถ้ามีโอกาสได้มาดูอีก)จะรักษาเวลาอย่างดีขอสาบาน

เนื้อเรื่องฟังไม่ค่อยออก แต่การจัดองค์ประกอบบนเวทีและความสามารถของนักแสดงรวมทั้งพลังเสียงในการร้องเพลงเป็นที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ฉากเปลี่ยนได้อย่างเริ่ดดีกว่าการตัดต่อภาพของหนังไทยบางเรื่องเสียอีก นึกแล้วโคตรเสียดายที่ไม่มีละครเวทีดีๆในประเทศไทย อาจเป็นเพราะความไม่นิยมในศิลปะแขนงนี้หรือไม่ก็ไม่นิยมศิลปะอะไรเลย ประเทศที่รุ่มรวยอารยธรรม(อย่างประเทศไทย)จึงหาโขนละครดู ชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะงามๆ หรือฟังดนตรีไทยได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร

แบบนี้จะสร้างกระทรวงวัฒนธรรมขึ้นมาทำไมจริงมะ

IMG_1293

หน้าโรงละครยามเย็น

IMG_1296

IMG_1299

IMG_1300

Time Square

IMG_1305

IMG_1303

IMG_1307

จบข่าว

No comments: