Sunday, January 14, 2007

ศิลปะยืนยาวชีวิตสั้น

1 มกรา

ว่าจะออกจาก grand central แต่เช้า พอดีฟ้าฝนไม่เป็นใจทำให้แผนการที่วางเอาไว้รวนไปหมด
เรากลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับสั่งอาหารเช้ามากินพลางหาข้อมูลในหนังสือไกด์บุ๊ค ถึงตำแหน่งแห่งที่ที่พวกเราพอจะเข้าไปพักพิงอาศัยได้ กำหนดออกมาเป็นขั้นเป็นตอนเริ่มจาก Public Library และ MoMA 2 แห่งนี้อยู่ไม่ใกล้กันและเปิดช้ากว่ากัน 1 ชั่วโมงครึ่ง ด้วยความอยากเล่นอินเตอร์เน็ทและหาที่เงียบๆนอนเราจึงเลือกห้องสมุดก่อน ถ้าหากผิดล็อคขึ้นมาค่อยระเห็จไป MoMA คงยังไม่สาย

และก็สมกับที่ตั้งใจไว้เพราะห้องสมุดปิด เรายืนเปียกโชกเป็นลูกหมาตกน้ำหันรีหันขวางควานหาทิศที่จะเดินทางต่อ พลันเกิดไอเดียว่าระหว่างรอ MoMA เปิด ไปนั่งแถว Rockefeller Center กันดีกว่า

MoMA ย่อมาจาก Museum of Modern Art ตอนนี้กลายเป็นคำฮิตและพิพิธภัณฑ์ฮิปๆ ที่ใครมา New York แล้วไม่ควรพลาดมาชม แม้จะมีความรู้เรื่องศิลปะเท่าหางอึ่งอย่างฉันก็เหอะ
เนื่องจากพะยี่ห้อ Modern รูปแบบของพิพิธภัณฑ์ ทั้งตัวอาคารจัดแสดงและนิทรรศการจึงต้อง"เ้ดิร์น"และ"ล้ำ"กว่าชาวบ้านชาวเมืองเขา ที่สำคัญมีคู่แข่งอย่าง Tate Modern ใน London และGeorge Pompidou ใน Paris (ทั้งสามแห่งเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดง Modern Art เหมือนกัน)เพราะฉะนั้นต้องมีการ Upgrade ตัวเองอยู่เสมอ

บรรยากาศภายในค่อนข้างคึกคัก เราเสียเงินคนละ 20 บาทเป็นค่าตั๋วและประกาศแยกทางกัน เนื่องจากการเดินชมพิพิธภัณฑ์ที่ดีควรจะ"ตัวใครตัวมัน"เพราะคงไม่มีใครมีรสนิยมเหมือนกันไปทั้งหมด หากกระเตงไปกันหลายๆคนอาจเกิดอาการเหม็นเบื่อและคอยกังวลกับความรู้สึกของอีกฝ่ายจนทำให้หมดอารมณ์กันพอดี

ฉันเริ่มดูตั้งแต่ชั้นหนึ่งพร้อมกับ audio guide บรรยายบางผลงานที่สำคัญ และต้องพบกับความประหลาดใจของตัวเองที่ไม่เข้าใจ(จริงๆ)ถึงสิ่งที่ศิลปินต้องการนำเสนอ!
อย่างเช่น
IMG_1166

หากเอาไปแปะไว้ที่บ้านฉันก็คงนึกว่าเป็นแผ่นผ้าใบที่มีคนมือบอนเอาสีมาขีดเขียน แต่อยู่ในนี้กลับมีราคาค่างวดเพราะเป็นเรื่องราวของฤดูทั้งสี่เรียงตามลำดับจาก spring,summer,fall และwinter ผนวกกับพลังจิตวิญญาณของศิลปิน นี่ฉันไม่ได้ยกเมฆขึ้นมาเขียนเองนะเพราะถอดความมาจาก audioguide ที่มีคุณป้าภัณฑารักษ์ให้เสียงในฟิลม์แบบ histirionic มากๆ ประมาณศิลปินเป็นพระผู้เป็นเจ้า เป็นพระมหาไถ่ซะอย่างงั้น

IMG_1164

นี่ก็ผลงานของศิลปินท่านเดิม

IMG_1165

ส่วนอันนี้เป็นรูปธรรมขึ้นมาบ้างเห็นเป็นเสาเหล็กขึ้นสนิม

IMG_1167

IMG_1168

2 รูปนี้ประทับใจที่สุด
เท่าที่เห็นตีความได้ว่า มีกะบะทรายและด้านบนมีแท่งเหล็กข้างหนึ่งสลักเป็นรูปฟันเลื่อยข้างหนึ่งทำให้เรียบ เวลาหมุนลงบนพื้นทรายจะทำให้เกิดรอยคลื่นที่ครึ่งหนึ่งของพื้นผิวสักพักก็จะกลายเป็นพื้นทรายเรียบตึงเหมือนเดิม

ตีความได้ว่า ความไม่แน่นอนของสรรพสิ่ง!!!!!!!!!!!!!!!!
ได้ไอเดียจากการไปเที่ยวทะเล

IMG_1169

IMG_1170

ส่วนนี่เป็นเครื่องใช้ภายในบ้านและสำนักงานที่ผ่านการอัพราคาเพราะการดีไซน์

IMG_1171

IMG_1173

2 รูปนี้เป็นงานกราฟฟิคอาร์ตของศิลปินชื่อดัง คุณ andy warhol รูปที่ 2 คงคุ้นตานะฮะก็ marilyn monroe ไง

IMG_1174

IMG_1175

แต่ที่ประทับใจฉันมากที่สุดคือผลงานเรื่องความมืด ไม่มีอะไรเลย just ห้องขนาดกลางเปิดและปิดไฟเป็นวัฏจักรห่างกัน 5 วินาที ในห้องว่างเปล่า มีคำอธิบายว่า แต่เดิมเวลาเราจัดแสดงงานข้าวของที่เอาออกมาโชว์ทำให้เราดิสแทร็คเด๊ด จากความเป็น"ห้อง" ศิลปินจึงนำความงามของความเป็น"ห้อง"กลับคืนมาให้เราเห็นด้วยการผสานสื่อผสมคือการตั้งวลาเปิด-ปิดไฟ!!!!!!!!!!!!
คิดว่าไงกันบ้าง?
นอกจากนี้ก็มีผ้าใบที่ทาสีน้ำเงินทั้งผืน,ผ้าใบสีน้ำตาลที่มีรอยมีดกรีดตรงกลาง,หลอดนีออนสีชมพูตั้งกลางห้อง,โครงเหล็ก,ธนูที่มีกระต่ายโดนเสียบพร้อมโล่,วอลล์เปเปอร์ลายต่างๆ,ผ้าใบที่มีแรเงาเป็นรูปยึกยือ,ห้องที่ปิดไฟพร้อมกับเปิดบทสวดของศาสนาคริสตร์,พุทธ,อิสลาม และชินโต,รูปตึกเอ็มไพร์สเต็ทที่ตั้งกล้องถ่ายอยู่ 2 วันแล้วเอามาเปิดฉายให้ดูทั้งวันทั้งคืน และ ฯลฯ

"เอ็มพ์ตี้" คือความรู้สึกที่ได้รับหลังจากเยี่ยมชม MoMA ทุกซอกทุกมุมตั้งแต่ชั้นหนึ่งยันชั้นหก ฉับพลันได้เกิดคำถามดังในหัวขึ้นมาทันทีว่าอะไรคือ"ศิลปะ"

ลองนึกย้อนไปสมัยบ้านเชียงที่มีการขุดค้นเครื่องปั้นดินเผาที่มีการพิมพ์ลวดลายลงไปหรือเครื่องประดับจำพวกลูกปัด สังคมระดับนั้นต้องมีความอยู่ดีกินดีระดับหนึ่งถึงมีอารมณ์มานั่งคิดทำของอย่างว่า หากนี่คือศิลปะ นิยามก็น่าจะใกล้เคียงกับการอยู่อย่างมีระดับ เมื่อคนเราหลุดพ้นจากสัญชาตญาณแห่งการดิ้นรนต่อสู้ให้อยู่รอด นั่นแหละความอภิรมย์ในการใช้ชีวิตจึงเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน

นี่เป็นคำอธิบายที่ดีสำหรับสังคมไทยว่าเหตุใดการศึกษาหรืออาชีพทางด้านศิลปะจึงไม่เฟื่องฟูเหมือนประเทศที่เขามีกินมีใช้แล้ว เพราะฉะนั้นจงอย่าหวังว่า bangkok fashion week จะนำความรุ่งเรืองมาสู่พี่น้องชาวสยามประเทศเหมือนที่ตั้งใจกันไว้ ตราบใดที่ยังมีคนจับกบจับเขียดตามถนนหลวงหรือเก็บเห็ดหลังบ้านยามฝนตกหนักเพื่อประทังชีวิต

อีกอย่างคุณค่าของศิลปะไม่น่าจะอยู่ที่ตัวชิ้นงานหรือศิลปินเพราะฟังจากคุณป้าภัณฑารักษ์แล้วฉันว่าอึ่งอ่างโดนสิบล้อทับแบน ก็คงเป็นงานศิลป์ชั้นเลิศของแก

เพราะฉะนั้นไม่ควรจะไปตีตราว่าคนนั้นคนนี้มีรสนิยมหรือไม่เพราะต่างคนก็มีความเห็นและความหมายของการดำเนินชีวิตต่างกัน-จริงไหม

IMG_1158

IMG_1159

บรรยากาศภายในสวนที่จัดแสดงรูปปั้น แวดล้อมไปด้วยตึกเก่าสูงชันสไตล์ New York

No comments: